Walking Harness (สายรัดช่วยเดิน หรือ Gait Harness) คืออุปกรณ์ช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักตัวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพทางกาย (Rehabilitation) และการฝึกเดิน (Gait Training) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วย ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาด้านการทรงตัวและการเดิน โดยรูปแบบของ Walking Harness ที่ใช้ในการฟื้นฟูสมรรถภาพจะแตกต่างกันไปตามการใช้งานและระดับการรองรับที่ต้องการ มีวิธีการเลือกดังนี้
1. เกณฑ์การเลือกใช้ Harness
- ขนาดและรูปร่างของผู้ป่วย → เลือก Size ของสายรัดให้เหมาะสมกับขนาดผู้ป่วยแต่ละราย
- ตรวจสอบน้ำหนักรองรับผู้ป่วย (Safe Working Load)
2. เลือกใช้ประเภทของ Harness ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์
2.1. Full Support Harness (Leg Harness) สายรัดตั้งแต่ช่วงเอวถึงต้นขา เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่จำเป็นต้องได้รับการพยุงเต็มตัว ช่วยกระจายน้ำหนักให้ทั่วลำตัว ลดแรงกดทับที่จุดใดจุดหนึ่ง โดยเฉพาะบริเวณขาหนีบ ต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าสายรัดไม่บีบรัดจนทำให้เกิดการกดทับเนื้อเยื่อหรือลดการไหลเวียนเลือด
2.2 Pelvic Harness สายรัดตั้งแต่ช่วงเอวถึงขาหนีบ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวไม่มาก และยังมีแรงพยุงตัวเองในบางส่วน ใช้งานสะดวก ใส่และถอดง่าย เหมาะกับการฝึกฝนการยืนและการเคลื่อนไหวเบื้องต้น ควรเลือกสายรัดที่มีวัสดุและการออกแบบที่ไม่ทำให้เกิดการกดทับในจุดอ่อน เช่น ขาหนีบ
2.3. Belt Harness เข็มขัดรัดรอบเอว เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่สามารถเดินได้บางส่วน แต่ยังต้องการการพยุงเพื่อช่วยลดโอกาสหกล้ม มีน้ำหนักเบา คล่องตัว เหมาะสำหรับการฝึกเดินในลักษณะที่พยุงน้ำหนักบางส่วน ใช้ได้ดีเมื่อผู้ป่วยยังมีแรงขา แต่ควรใช้งานร่วมกับระบบพยุง (เช่น รอกเหนือศีรษะ) เพื่อความปลอดภัย
3. ข้อควรระวังก่อนเริ่มใช้งาน
- ตรวจเช็คสภาพ Harness ทุกครั้งก่อนใช้งาน ห้ามใช้ Harness ที่มีรอยขาดหรือสายชำรุด
- จัดตำแหน่งให้ Harness รองรับจุดสำคัญ (เช่น เอว/ต้นขา) อย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Harness กับอุปกรณ์พยุงเดิน: Harness ต้องสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย และไม่มีจุดดึงที่ไม่เหมาะสม
“การเลือก Walking Harness ที่ถูกต้อง = ความปลอดภัยของผู้ป่วย + ลดความเสี่ยงของผู้ดูแล + เพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟู"